การจำแนกประเภทของน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหาร
การจัดหมวดหมู่ของ น้ำมันที่ใช้ประกอบอาหาร ในที่นี้ สามารถที่จะพินิจพิเคราะห์ได้จากหลักเกณฑ์ดังนี้
jumbo jili
1.น้ำมันที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันแบบอิ่มตัว และก็กรดไขมันทางสายกลางในจำนวนมากๆเป็นน้ำมันที่นิยมเอามาทำมาการีน แล้วก็ของกินด้านการแพทย์ แต่ว่าไม่เหมาะสมสำหรับนำไปทำอาหารที่จำเป็นต้องใช้ความร้อนสูงอย่างการทอด เพราะว่ามีโมเลกุลขนาดใหญ่ที่ทำให้จุดกำเนิดควันค่อนข้างจะต่ำ โดยน้ำมันจำพวกนี้ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว ฯลฯ
2.น้ำมันที่ใช้ประกอบอาหารมีส่วนประกอบของกรดไขมันแบบอิ่มตัว รวมทั้งกรดไขมันสายยาวในจำนวนมาก ดังเช่นว่าน้ำมันปาล์มโอเลอีน มีจุดกำเนิดควันค่อนข้างจะสูง ก็เลยทำให้จังหวะกำเนิดอนุมูลอิสระค่อนข้างจะน้อย และก็มีคงทนถาวรต่อความร้อน ก็เลยทำให้เหมาะสมกับการทอดของกินที่จะต้องใช้เวลานาน รวมทั้งถึงแม้น้ำมันปาล์มโอเลอีนจะมีกรดโอลีอิกแล้วก็กรดไขมันอิ่มตัวในจำนวนมาก แต่ว่าก็ไม่ใช่กรดไขมันที่จำเป็นต้องต่อสภาพทางด้านร่างกายมนุษย์ ก็เลยไม่สมควรใช้เป็นน้ำมันหลักสำหรับในการบริโภค
3.น้ำมันที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันแบบไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่ง รวมทั้งมีส่วนประกอบของกรดไขมันอิ่มตัวในจำนวนต่ำ โดยมากมักมีต้นกำเนิดจาก 2 แหล่ง เป็น
– น้ำมันสกัดจากพืช เป็นน้ำมันที่มีความเหมาะกับการต้ม นึ่ง ผัด ทำน้ำสลัด หรือการประกอบอาหารที่มีความร้อนไม่สูงมากมาย เนื่องมาจากเป็นน้ำมันที่มีส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งในจำนวนมาก ถ้าประยุกต์ใช้ทำอาหารโดยแนวทางที่ใช้อุณหภูมิสูงจะเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันได้ง่าย รวมทั้งสำเร็จให้มีการสูญเสียของสารอาหารที่ต้องไป โดยน้ำมันจำพวกนี้ตัวอย่างเช่น น้ำมันที่ทำจากมะกอก น้ำมันเม็ดอัลมอนด์ ฯลฯ
– น้ำมันสกัดจากพืชที่มีการตัดต่อและก็ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงรหัสทางพันธุกรรม ( GMO ) เมื่อนำน้ำมันจำพวกนี้ไปทำอาหารซ้ำ ก็จะก่อให้โมเลกุลของกรดโอเลอิกกลายเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นโลหิต ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่สมควรนำน้ำมันจำพวกนี้มาใช้สำหรับทอดของกิน โดยยิ่งไปกว่านั้นของกินบางประเภทที่จำต้องทอดแบบน้ำมันท่วมๆอาทิเช่นไก่ทอด เฟรนช์ฟราย ฯลฯ
4.น้ำมันที่มีส่วนประกอบของกรดโอเลอิกในจำนวนที่ใกล้เคียงกับกรดไลโนเลอิก ในตอนที่กรดไลโนเลอีกเองมีจำนวนที่ต่ำมากมาย ยกตัวอย่างน้ำมันชนิดนี้เป็น น้ำมันที่สกัดจากรำข้าวรวมทั้งน้ำมันงา ซึ่งน้ำมันชนิดนี้มีจำนวนของกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง ทำให้ได้โอกาสมีการเป็นอนุมูลอิสระมากยิ่งกว่าน้ำมันจำพวกอื่นๆก็เลยไม่เหมาะสมกับการนำมาทำอาหารที่จำต้องใช้อุณหภูมิสูงเป็นอย่างยิ่งและไม่ควรที่จะนำมาใช้ซ้ำ เพราะเหตุว่าจะมีผลให้โมเลกุลของกรดโอเลอิกกลายเป็นไขมันทรานส์
สล็อต
5.น้ำมันที่มีส่วนประกอบของกรดไลโนเลอิกในจำนวนมาก มีส่วนประกอบของกรดโอเลิอกในจำนวนปานกลาง ซึ่งจัดเป็นน้ำมันที่ดีต่อร่างกายของคนเราเป็นอย่างยิ่ง น้ำมัน จำพวกนี้ก็เลยเหมาะสมกับการนำมาประกอบอาหารที่ใช้อุณหภูมิไม่สูงมากมาย และไม่ใช้เวลาสำหรับการประกอบอาหารนาน ไม่งั้นจะก่อให้กำเนิดอนุมูลอิสระ รวมทั้งกลายเป็นไขมันทรานส์ได้ โดยน้ำมันจำพวกนี้เช่นน้ำมันเม็ดฝ้าย น้ำมันที่ทำจากข้าวโพด น้ำมันเม็ดดอกทานตะวัน และก็น้ำมันเม็ดดอกคำฝอย ฯลฯ
6.น้ำมันที่มีส่วนประกอบของกรดไลโนเลอิกในจำนวนมาก ได้แก่ น้ำมันจากติดอยู่โนล่า รวมทั้งน้ำมันที่สกัดจากถั่วเหลือง ถ้าเกิดนำน้ำมันชนิดนี้มาทำกับข้าวที่จำต้องใช้อุณหภูมิสูงเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ก็จะมีผลให้กำเนิดอนุมูลอิสระแล้วก็แปลงเป็นพิษไปสู่ร่างกายมนุษย์ได้ ฉะนั้นมวลชนที่อาศัยอยู่ในทวีปยุโรปก็เลยชอบไม่ใช้ น้ำมัน ใดๆที่องค์ประกอบของกรดไลโนเลอิกเกิน 2% สำหรับเพื่อการทำอาหารที่ใช้อุณหภูมิสูง แม้กระนั้นจะใช้ประโยชน์เมื่ออยากได้ทำกับข้าวที่ใช้ความร้อนไม่สูงมากมายแทน
7.น้ำมันที่ผ่านปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชั่น ทำให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวเปลี่ยนเป็นกรดไขมันอิ่มตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะก่อให้กำเนิดไขมันทรานส์ หรือไขมันอิ่มตัว ซึ่งน้ำมันจำพวกนี้จะมีจุดหลอมเหลวที่สูงขึ้น และก็มีจุดกำเนิดควันที่สูงขึ้น ก็เลยนำมาซึ่งการก่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้ช้าลงไปด้วย เพราะฉะนั้นน้ำมันชนิดนี้ก็เลยมักเอามาทำเป็นมาการีน รวมทั้งเนยประเภทต่างๆที่สามารถเจอไขมันทรานส์ได้มากถึง 23% รวมทั้ง 25.3% ในมาการีนรวมทั้งเนยที่ทำมาจากน้ำมันที่ทำจากถั่วเหลือง
น้ำมัน ที่เหมาะสมกับการทำอาหาร โดยใช้รูปร่างจำนวนของกรดไขมันเป็นหลักเกณฑ์ ซึ่งจะมองเห็นได้ว่าน้ำมันแต่ละประเภทมีความต่างกันในหลายๆด้วย อีกทั้งรวมถึงผลร้ายที่เกิดขึ้นต่อร่างกายของผู้คน ดังนั้นการเลือกประเภทของน้ำมันที่สมควรเพื่อนำมาประกอบอาหารจึงต้องควรเลือกให้เยี่ยมที่สุด ดังนี้ก็เพื่อร่างกายที่แข็งแรงด้วยนั่นเอง
สล็อตออนไลน์
น้ำมัน ที่วางจำหน่ายทั่วๆไปอีกทั้ง 5 จำพวก ซึ่ก็จะมีความไม่เหมือนกันไปแล้วก็มีความเหมาะสมกับการนำมาทำกับข้าวที่ไม่เหมือนกันด้วย ด้วยเหตุนี้จำเป็นจะต้องเลือกน้ำมันอย่างเหมาะควรเนื่องจากบางจำพวกเหมาะสมกับการทำอาหารที่ใช้อุณหภูมิสูง ยกตัวอย่างเช่นการทอด แม้กระนั้นบางประเภทก็ไม่เหมาะสมกับการทำอาหารที่ใช้อุณหภูมิสูงๆด้วยเหตุว่าบางทีอาจกำเนิดอนุมูลอิสระ รวมทั้งกำเนิดพิษไปสู่ร่างกายมนุษย์ได้ ยิ่งถ้านำน้ำมันที่สกัดจากพืชที่มีการดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขกรรมพันธุ์ ( GMO ) จะยิ่งได้โอกาสสำหรับในการรับไขมันทรานส์มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อประยุกต์ใช้สำหรับการทำอาหารอย่างผิดแนวทาง และก็หากว่าทานอาหารที่ปรุงจากน้ำมันที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันสายยาวแล้วก็กรดไขมันอิ่มตัวในจำนวนมาก ก็อาจจะก่อให้มีการนอนก้นในเส้นโลหิตกระทั่งก่อให้เกิดโรคไขมันตันในเส้นโลหิตได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอันตรายเป็นอย่างมากทีเดียว
น้ำมันทั่วๆไปที่ประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการประกอบอาหาร
มีหลากหลายชนิดดังนี้น้ำมันทั่วๆไปที่ประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการทำกับข้าว มีหลายจำพวกดังนี้
1.น้ำมันหมู วิธีการทำน้ำมันหมู สามารถทำเป็นโดยการหั่นมันหมูเป็นชิ้นเล็กๆแล้วเจียว ซึ่งประสิทธิภาพของน้ำมันหมูที่ได้ ขึ้นกับส่วนประกอบของหมูที่ประยุกต์ใช้ โดยน้ำมันได้จากการเจียวจากส่วนประกอบของหมูที่อยู่บริเวณไต จะมีคุณภาพที่ดีมากกว่าน้ำมันที่เจียวจากมันหมูแข็ง
2.ไขโค เป็นน้ำมันที่ได้จากการเจียวมันโคที่อุณหภูมิ 32°C ตรงเวลาหลายๆวัน กระทั่งทำให้น้ำมันเล็กน้อยแข็ง ต่อจากนั้นก็เลยใช้แนวทางกรองเพื่อแยกชั้นให้ออกจากกัน ตอนนี้มีการใช้มันโคหรือไขโคสำหรับการทำเนยเทียม แล้วก็นิดหน่อยยังเอาไปใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานขนมปังรวมทั้งลูกอม
- เนย ได้จากการแยกมันเนยออกมาจากนม ซึ่งบางทีอาจจะทำจากนมวัวหรือนมจากสัตว์จำพวกอื่นๆก็ได้ ได้แก่นมแพะ นมแกะ ฯลฯ สำหรับแนวทางการแยกเป็น คนนมแรงๆเพื่อไขมันที่กระจัดกระจายอยู่ในนม มารวมตัวกันเพื่อแยกออกมาจากส่วนที่เป็นน้ำ โดยมากแล้วแนวทางผลิตเนยในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นนำครีมที่มีคุณภาพดีมาลดกรดเพื่อการเติมโซเดียมไบคาร์บอเนต แมกนีเซียมออกไซด์หรือแคลเซียมคาร์บอเนต ต่อจากนั้นก็เลยทำฆ่าเชื้อโรคแบบพาสพบร์ไรซ์ แล้วก็เพิ่มเชื้อจุลินทรีย์ที่สมควรลงไป ทิ้งเอาไว้ราว 3-4 ชั่วโมง เพื่อจุลอินทรีย์เจริญวัยแล้วก็ผลิตกรดแลคติก ซึ่งมีรสเปรี้ยวทำให้ครีมมีกลิ่นแล้วก็รสดี เมื่อพอดีและจากนั้นก็เอามาปั่นให้เหลวจนถึงแยกเนยออกมาจากส่วนที่เป็นน้ำ เพิ่มเติมเกลือลงไป 2.5%- 3% แล้วตีให้เหมาะ ในที่สุดห่อด้วยกระดาษอลูมินัมหรือกระดาษลอกลาย แล้วเก็บเอาไว้ภายในตู้แช่เย็นเพื่อได้รูปทรงดังที่อยากjumboslot
4.น้ำมันพืช ส่วนมากจะสร้างขึ้นมาจากเมล็ดพืชที่มีน้ำมันสูง ดังเช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด งา ผลปาล์ม อื่นๆอีกมากมาย
5.น้ำสลัด เป็นน้ำมันที่ไม่แข็งแม้จะอยู่ในที่ๆอุณหภูมิต่ำอย่างตู้แช่เย็น น้ำสลัดบางจำพวกทำจากน้ำมันจากสัตว์หรือน้ำมันจากพืชแค่เพียงหนึ่งเดียว แต่ว่าน้ำสลัดบางจำพวกก็ผสมน้ำมันอีกทั้งจากพืชรวมทั้งจากสัตว์ เมื่อนำน้ำมันมาผ่านขั้นตอนการเพิ่มไฮโดรเจนแล้ว จำเป็นต้องดับกลิ่นและก็จะต้องเพิ่มโมโนกรีเซอไรด์ และก็ไตกลีเซอไรด์ เพื่อทำให้สารละลายกลมกลืน ภายหลังตีน้ำมันเพื่อได้วามเข้มข้นดังที่อยาก ถ้าเกิดมีการใช้น้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบของน้ำสลัดจำต้องเลือกน้ำมันพืชที่ไม่แข็งในอุณหภูมิราว 5°C-10°C ดังเช่นว่า น้ำมันที่ทำจากถั่วเหลืองและก็น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากข้าวโพด อื่นๆอีกมากมาย
6.มาการีน ทำจากน้ำมันจากพืชหรือสัตว์ มาการีนมีการทำขึ้นคราวแรกในปี คริสต์ศักราช1870 โดยนักเคมีชาวประเทศฝรั่งเศส ในทีแรกมาการีนทำจากไขของโคโค ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้น้ำมันหมู แม้กระนั้นเมื่อจบสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มมีการแทนที่มาการีนด้วยน้ำมันพืช โดยให้น้ำมันพืชผ่านวิธีการการเติมไฮโดรเจน จนได้จุดหลอมละลายรวมทั้งมีทรัพย์สินใกล้เคียงกับเนยสูงที่สุด
สรุป น้ำมันที่ประยุกต์ใช้สำหรับในการประกอบอาหารมีหลากหลายชนิด ซึ่งมีทั้งยังน้ำมันจากสัตว์ รวมทั้งน้ำมันจากพืชสิ่งเดียว บางประเภทก็มีส่วนประกอบจากน้ำมันอีกทั้งพืชและก็สัตว์ และก็บางชนิดก็ผ่านวิธี โดยเพื่อสุขภาพแล้ว ควรที่จะเลือกทานน้ำมันที่ดีต่อร่างกายจะดีเยี่ยมที่สุดslot
การเลือกบริโภคน้ำมันไขอย่างถูกทาง
สำหรับ น้ำมัน ที่ประยุกต์ใช้สำหรับในการทอดของกิน ไม่สมควรนำกลับมาใช้ซ้ำ เนื่องจากการทอดของกินนั้นจำต้องใช้ความร้อนที่สูงมากมายรวมทั้งตลอดเป็นระยะเวลานาน ทำให้น้ำมันที่ใช้มีการย่อยสลายเปลี่ยนเป็นอนุมูลอิสระ แล้วก็มีการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล ยิ่งใช้สำหรับทอดนานเยอะแค่ไหนสีก็จะยิ่งเข้มมากขึ้นรวมทั้งนำมาซึ่งพิษไปสู่ร่างกาย รวมทั้งมีกลิ่นที่ทำให้มีความรู้สึกแสบจมูก น้ำมันบางจำพวกบางทีอาจถูกดูดซับและก็ถูกนำไปสะสมเอาไว้ในร่างกาย และก็หากสูดไอระเหยที่เกิดขึ้นมาจากน้ำมันที่มีการทอดซ้ำก็อาจจะส่งผลให้เป็นโรคโรคมะเร็งปอดได้ เนื่องมาจากสารก่อโรคมะเร็งจากไอระเหยในน้ำมันได้เข้าไปในปอด ยิ่งกว่านั้น การบริโภคของกินที่ใช้น้ำมันเก่าทอดของกินซ้ำหลายๆครั้ง จะมีผลให้กำเนิดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคหัวใจ โรคเส้นโลหิต รวมทั้งโรคมะเร็งได้ในอนาคต โดยเหตุนั้น อย.ก็เลยได้ออกกฎว่า ให้ใช้ค่าสารโพล่าร์ในน้ำมันเป็นตัวชี้การย่อยสลายของน้ำมันที่ประยุกต์ใช้สำหรับการทอด ซึ่งจึงควรได้ค่าไม่เกิน 25% ก็เลยจะสามารถใช้ต่อได้
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้มาตรฐานการเลือกบริโภคน้ำมันที่มีรูปทรงของกรดไขมันทั้งยัง 3 จำพวกดังนี้
กรดไขมันอิ่มตัว : กรดไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่ง : กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง ในรูปร่าง 1 : 1.5 : 1 ซึ่งมีความหมายว่า WHO ได้เสนอแนะให้เลือกบริโภคน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัว รวมทั้งน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวหลายตำแหน่งในจำนวนน้อย และก็ให้เลือกบริโภคน้ำมันไขมันอิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งให้เยอะขึ้น
อย่างเช่น น้ำมันที่สกัดจากรำข้าว ที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันทั้งยัง 3 จำพวกนี้ในจำนวนที่ใกล้เคียงกับรูปทรงที่ WHO ชี้แนะ เพื่อการบริโภคที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แล้วก็ยังยังได้กล่าวเสริมเติมว่า มนุษย์ควรจะบริโภคน้ำมันที่ทำจากมะพร้าว : น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะกอกหรือน้ำมันเม็ดชา : น้ำมันจำพวกอื่นๆในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 เพื่อเลี่ยงจากโรคภัยบางจำพวก และก็แม้ WHO จะทำรายงานที่เอ่ยถึงการบริโภคน้ำมันประเภทต่างๆในรูปร่างของกรดไขมันที่สมควร แม้กระนั้นก็มิได้กล่าวถึงรายละเอียดของกรดไขมันที่ต้องต่อสถาพทางร่างกาย รวมทั้งจำพวกของน้ำมันสำหรับเพื่อการประยุกต์ใช้ทำกับข้าวให้สมควร เพราะฉะนั้น การเลือกบริโภคน้ำมันจำเป็นที่จะต้องพิเคราะห์จำนวนของกรดไขมันอิ่มตัว แล้วก็กรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นกฏเกณฑ์สำหรับเพื่อการแบ่งประเภทและชนิดด้วย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงจากการเลือกบริโภคน้ำมันนั่นเอง